

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์
สาขาวิชาจิตวิทยา
การรักมีความเสี่ยง
โปรดศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน
10/09/2564

“รัก” ทำให้เรามีความสุขล้นพ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้มีความทุกข์ตรมระทมใจได้เช่นกัน แม้จะเป็นความรักที่เจ็บปวดแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เราไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหน มีวิถีชีวิตแบบใด ก็ยังต้องการความรักความสัมพันธ์กันเกือบทุกคน (Baumeister & Leary, 1995) ในบทความก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงการตกอยู่ในอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์กบโดนต้ม (Boiled frog phenomenon) แต่จากที่ได้ตั้งคำถามกันเอาไว้ว่าแล้วกรณีที่บุคคลนั้นๆ รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ แต่ไม่ยอมออกมาจากความสัมพันธ์ล่ะ เป็นเพราะอะไร?
“ช้ำเท่าไร เจ็บช้ำเท่าไร ปวดร้าวเพียงใด ก็จะรักเธอ แค่เพราะรัก ก็ยอมก็ทนได้เพื่อเธอ เธอคนเดียวเท่านั้น”
อยู่ต่อไปก็รู้สึกฝืน รู้ทั้งรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันไม่ดีต่อกายและใจของเราเอาซะเลย เรียกว่า "ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย" แต่อะไรฉุดรั้งไม่ให้เราก้าวออกไปจากความสัมพันธ์นะ? ในครั้งนี้เราจะนำแนวคิดแบบจำลองการลงทุนของกระบวนการความผูกพัน (Investment model of commitment processes) มาอธิบายกันค่ะ
แบบจำลองการลงทุนของกระบวนการความผูกพัน (Investment model of commitment processes) เป็นแบบจำลองที่ใช้ทำนายและทำความเข้าใจการเกิดความผูกพัน (Commitment) ต่อบุคคลหรือสิ่งของบางอย่าง ซึ่งระดับความผูกพันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจว่าบุคคลนั้นจะอยู่หรือไปจากความสัมพันธ์นี้นั่นเอง (Rusbult et al., 2012) โดยความผูกพันจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 อย่าง ดังนี้
1. ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ (Relationship satisfaction) เรารู้สึกพอใจกับความสัมพันธ์นี้มากน้อยแค่ไหน ความสัมพันธ์นี้เติมเต็มสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ โดยนำไปเทียบกับประสบการณ์ความรักหรือ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา หรือเทียบกับความคาดหวังของเรา (Rusbult & Martz, 1995) โดยคนที่มีระดับความพึงพอใจในความสัมพันธ์สูงจะนำไปสู่ระดับความผูกพันที่มากขึ้น (Rhatigan & Axsom, 2006) หลายๆ คนคงคิดว่าถ้าอีกฝ่ายทำให้เราเจ็บตัวเจ็บใจ ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ก็จะลดลง ระดับความผูกพันไม่สูงก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่งานวิจัยก็บอกเราว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะประสบการณ์การถูกทารุณกรรมในวัยเด็กก็ส่งผลเช่นกัน ในผู้หญิงที่มีประวัติเคยถูกทารุณกรรมตอนเด็ก เมื่อเขาโตขึ้นมาก็จะมีแนวโน้มพบเจอกับความสัมพันธ์ที่มีการลงไม้ลงมือ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็จะยังรู้สึกพึงพอใจในความสัมพันธ์มากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยโดนทารุณกรรมในวัยเด็ก (Edwards et al., 2010) นั่นแปลว่าความพึงพอใจเป็นเรื่องของการรับรู้ของแต่ละบุคคล สิ่งที่คิดว่าไม่น่าพึงพอใจอาจกลายเป็นสิ่งที่พึงพอใจสำหรับบางคนก็ได้
2. ทางเลือกในชีวิตที่มีคุณภาพ (Quality alternative) ก็คือชีวิตเรายังมีทางเลือกหรือทางออกรึเปล่า ยกตัวอย่างคือ ถ้าเราเลิกกับแฟนคนนี้ เราสามารถดูแลตัวเอง ดูแลลูกของเราโดยไม่ต้องพึ่งอีกฝ่ายได้หรือไม่ หรือเราจะหาแฟนใหม่ได้ดีกว่าคนปัจจุบันไหม เป็นต้น ดังนั้น ในบางความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนไม่มีคุณค่า ไม่คู่ควรกับสิ่งดีๆ ในชีวิต ก็อาจมีบางคนที่ยังคงทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษต่อไป โดยมีงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มีความทุกข์ทางจิตใจ (Psychological distress) สูง หรือมีความภูมิใจตนเองในตัวเอง (Self-esteem) ต่ำ จะรู้สึกว่าตนไม่สามารถออกไปจากความสัมพันธ์นี้ได้ และไม่มีความเชื่อมั่นว่าตนจะมีโอกาสได้เจอกับความสัมพันธ์ดีๆ ในชีวิต หรือเจอคู่ครองที่ดีกว่า (Edwards et al., 2010) นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงยังคงทนอยู่เพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีพอจะเจอคนใหม่ๆ หรือทางเลือกใหม่ๆ นั่นเอง
3. การลงทุนในความสัมพันธ์ (Investment) อาจจะมาในรูปแบบของสิ่งของที่นับมูลค่าได้ เช่น เงินทอง ทรัพย์สิน บ้าน รถ ธุรกิจ หรือจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตีมูลค่าได้ เช่น ความรู้สึก แรงกาย แรงใจ เวลาที่ใช้หรือทุ่มเทไปกับความสัมพันธ์ ประสบการณ์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออีกฝ่าย ความเสียสละเพื่อความสัมพันธ์อย่างการลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก เป็นต้น (Rusbult & Martz, 1995) โดยพบว่าผู้หญิงที่ถูกทำร้ายทางจิตใจ มีความทุกข์ทางใจสูงมักจะจัดการกับความทุกข์แบบหลีกเลี่ยงหรือหนีปัญหา ซึ่งส่งผลให้มีความพึงพอใจในความสัมพันธ์น้อยลง แต่กลับจะยิ่งลงทุนกับความสัมพันธ์นี้มากยิ่งขึ้นไปอีก (Edwards et al., 2010; Rhatigan & Axsom, 2006) นอกจากนี้ บางคนก็ยังรู้สึกว่าเป็นตนเป็นฝ่ายผิดและพยายามมากกว่าเดิมที่จะประคองความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปอย่างปกติ ซึ่งบางครั้งมันไม่ใช่การเผชิญกับปัญหาหรือแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง บางรายถึงขั้นละเลยการแก้ปัญหาด้วยความคาดหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นด้วยตัวของมันเอง ก็จะยิ่งเพิ่มความคาดหวังในความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีก
ดังนั้น ถ้าบุคคลมีความพึงพอใจในความสัมพันธ์สูง ลงทุนลงแรงไปกับความสัมพันธ์นี้เยอะ แม้ทางเลือกในชีวิตจะมีน้อย บุคคลจะรู้สึกผูกพันกับคู่รักมาก ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็นสูตรได้ดังนี้
ระดับความผูกพัน (Commitment level) = ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ (Relationship satisfaction) - ทางเลือกในชีวิตที่มีคุณภาพ (Quality alternatives) + การลงทุนในความสัมพันธ์ (Investment) (Rhatigan & Axsom, 2006)
“เธอสอนฉันให้เข้าใจ การลงทุนเสี่ยงเหลือเกิน”
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่นำมาอธิบายได้ว่าทำไมคนบางคนถึงออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษไม่ได้ ซึ่งจากงานวิจัยต่างๆ ที่ได้ยกมา แม้ว่าเหยื่อจะไม่ได้พึงพอใจในความสัมพันธ์มากนัก แต่เราจะเห็นได้ว่าการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจผนวกกับภูมิหลังของเหยื่อก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหยื่อรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายจนออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้ จึงดูเหมือนเหยื่อยอมรับชะตากรรมและยินยอมที่จะถูกทารุณต่อไปเรื่อยๆ จนถูกมองข้ามแล้วพลาดโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือสังคม
บทสรุปของทั้งบทความ “โอ๊ย!!! เจ็บไปทั้งหัวใจ แต่ทำไมยังไม่รู้ตัว” และบทความ “การรักมีความเสี่ยง โปรดศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน” จะเห็นได้ว่าต้นตอล้วนเกิดจากบุคคลในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำหรือเหยื่อ ซึ่งในบางครั้งเราอาจจะเป็นได้ทั้งเหยื่อหรือเป็นผู้ที่ทำร้ายคนอื่นเสียเองโดยที่อาจจะไม่รู้ตัว ดังนั้นเราควรจะมีสติ หมั่นสังเกตตัวเอง กล้าที่จะเปิดใจกับตัวเอง พยายามรู้เท่าทันตนเองก่อนที่จะไปสร้างบาดแผลให้ใครนะคะ และสำหรับเหยื่อที่ต้องเผชิญความสัมพันธ์ย่ำแย่แบบนี้ การสนับสนุนทางสังคม (Social support) หรือการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้างเป็นสิ่งที่สำคัญกับเหยื่อมากๆ อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ต้องการความรักความสัมพันธ์ ซึ่งความรักไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นความรักแบบคู่รักเท่านั้น แต่มันรวมทั้งความรักจากครอบครัว ความรักจากเพื่อน ซึ่งจะช่วยให้เหยื่อตระหนักว่าเขายังมีทางเลือก มีคุณค่าในตัวเอง และสามารถรับความรักความอบอุ่นจากคนอื่นๆ ได้เช่นกัน
แต่ปัจจัยที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งในการช่วยเหลือเหยื่อก็คือ เมื่อเหยื่อตัดสินใจเลือกที่จะออกมาจากความสัมพันธ์ รัฐควรมีนโยบายและกฏหมายที่คอยรองรับและสนับสนุน (Rusbult & Martz, 1995) โดยอาจวางแผนพัฒนาชีวิตเหยื่อในด้านต่างๆ ทั้งการจัดการศึกษาให้เข้าถึงคนทุกคน การจัดอบรมทักษะเพื่อนำไปสร้างอาชีพ การมีศูนย์พักพิงให้เหยื่อที่ไม่มีที่ไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในชีวิตให้เหยื่อ และช่วยเหลือเหยื่อจากความรู้สึกสิ้นหวังในชีวิตได้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใด เราสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ แต่อย่าลืมว่าการจะช่วยเหลือให้คนหนึ่งคนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ในระยะยาวนั้น ก็ต้องการความร่วมมือร่วมใจจากทุกคน ทุกฝ่าย และทุกระดับนั่นเอง ;)
อ้างอิง
Baumeister, R. F., & Leary, M. R. (1995). The need to belong: desire for interpersonal attachments as a fundamental human motivation. Psychological Bulletin, 117(3), 497-529.
Edwards, K. M., Gidycz, C. A., & Murphy, M. J. (2010). College women’s stay/leave decisions in abusive dating relationships: A prospective analysis of an expanded investment model. Journal of Interpersonal Violence, 26(7), 1446–1462.
Rose, L. E., & Campbell, C. (2000). The role of social support and family relationships in women’s responses to battering. Health Care for Women International, 21(1), 27–39.
Rhatigan, D. L., & Axsom, D. K. (2006). Using the investment model to understand battered women’s commitment to abusive relationships. Journal of Family Violence, 21(2), 153–162.
Rusbult, C. A., Agnew, C. R., & Arriaga, X. B. (2012). The investment model of commitment processes. In P. A. M. van Lange, A. W. Kruglanski & E. T. Higgins (Eds.) Handbook of theories in social psychology (pp. 218–231). Sage.
Rusbult, C. E., & Martz, J. M. (1995). Remaining in an abusive relationship: An investment model analysis of nonvoluntary dependence. Personality and Social Psychology Bulletin, 21(6), 558–571.
ผู้เขียน

รมัณยา นาคโสมกุล
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความสุขคือสุนัขและการนอนเร็วเพราะจะได้กินข้าวเช้าไวๆ

ปิยะรัตน์ สุวรรณนุพงศ์
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
นักศึกษาเอกจิตวิทยาที่ชีวิตอยากฟังเพลงมากกว่าอ่านเปเปอร์ ความตื่นเต้นในแต่ละวัน คือ การเฝ้าลุ้นเฉดสียามอาทิตย์อัสดง
ออกแบบกราฟิก

พัชริดา วงศ์กมลาไสย
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
ผู้รักสันโดษ และติดอยู่ใน safe zone ตัวเอง คติประจำใจ “ช่วงโควิดน่าเบื่อหน่าย เรียนออนไลน์น่าเบื่อกว่า”