top of page

การรักมีความเสี่ยง
โปรดศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน

10/09/2564

S__3817474.jpg

“รัก” ทำให้เรามีความสุขล้นพ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้มีความทุกข์ตรมระทมใจได้เช่นกัน แม้จะเป็นความรักที่เจ็บปวดแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เราไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหน มีวิถีชีวิตแบบใด ก็ยังต้องการความรักความสัมพันธ์กันเกือบทุกคน (Baumeister & Leary, 1995) ในบทความก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงการตกอยู่ในอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์กบโดนต้ม (Boiled frog phenomenon) แต่จากที่ได้ตั้งคำถามกันเอาไว้ว่าแล้วกรณีที่บุคคลนั้นๆ รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ แต่ไม่ยอมออกมาจากความสัมพันธ์ล่ะ เป็นเพราะอะไร? 

“ช้ำเท่าไร เจ็บช้ำเท่าไร ปวดร้าวเพียงใด ก็จะรักเธอ แค่เพราะรัก ก็ยอมก็ทนได้เพื่อเธอ เธอคนเดียวเท่านั้น”

 

อยู่ต่อไปก็รู้สึกฝืน รู้ทั้งรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันไม่ดีต่อกายและใจของเราเอาซะเลย เรียกว่า "ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย" แต่อะไรฉุดรั้งไม่ให้เราก้าวออกไปจากความสัมพันธ์นะ? ในครั้งนี้เราจะนำแนวคิดแบบจำลองการลงทุนของกระบวนการความผูกพัน (Investment model of commitment processes) มาอธิบายกันค่ะ 

 

แบบจำลองการลงทุนของกระบวนการความผูกพัน (Investment model of commitment processes) เป็นแบบจำลองที่ใช้ทำนายและทำความเข้าใจการเกิดความผูกพัน (Commitment) ต่อบุคคลหรือสิ่งของบางอย่าง ซึ่งระดับความผูกพันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจว่าบุคคลนั้นจะอยู่หรือไปจากความสัมพันธ์นี้นั่นเอง (Rusbult et al., 2012) โดยความผูกพันจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 อย่าง ดังนี้

 
1. ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ (Relationship satisfaction) เรารู้สึกพอใจกับความสัมพันธ์นี้มากน้อยแค่ไหน ความสัมพันธ์นี้เติมเต็มสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ โดยนำไปเทียบกับประสบการณ์ความรักหรือ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา หรือเทียบกับความคาดหวังของเรา (Rusbult & Martz, 1995) โดยคนที่มีระดับความพึงพอใจในความสัมพันธ์สูงจะนำไปสู่ระดับความผูกพันที่มากขึ้น (Rhatigan & Axsom, 2006) หลายๆ คนคงคิดว่าถ้าอีกฝ่ายทำให้เราเจ็บตัวเจ็บใจ ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ก็จะลดลง ระดับความผูกพันไม่สูงก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่งานวิจัยก็บอกเราว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะประสบการณ์การถูกทารุณกรรมในวัยเด็กก็ส่งผลเช่นกัน ในผู้หญิงที่มีประวัติเคยถูกทารุณกรรมตอนเด็ก เมื่อเขาโตขึ้นมาก็จะมีแนวโน้มพบเจอกับความสัมพันธ์ที่มีการลงไม้ลงมือ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็จะยังรู้สึกพึงพอใจในความสัมพันธ์มากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยโดนทารุณกรรมในวัยเด็ก (Edwards et al., 2010) นั่นแปลว่าความพึงพอใจเป็นเรื่องของการรับรู้ของแต่ละบุคคล สิ่งที่คิดว่าไม่น่าพึงพอใจอาจกลายเป็นสิ่งที่พึงพอใจสำหรับบางคนก็ได้

 

2. ทางเลือกในชีวิตที่มีคุณภาพ (Quality alternative) ก็คือชีวิตเรายังมีทางเลือกหรือทางออกรึเปล่า ยกตัวอย่างคือ ถ้าเราเลิกกับแฟนคนนี้ เราสามารถดูแลตัวเอง ดูแลลูกของเราโดยไม่ต้องพึ่งอีกฝ่ายได้หรือไม่ หรือเราจะหาแฟนใหม่ได้ดีกว่าคนปัจจุบันไหม เป็นต้น ดังนั้น ในบางความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนไม่มีคุณค่า ไม่คู่ควรกับสิ่งดีๆ ในชีวิต ก็อาจมีบางคนที่ยังคงทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษต่อไป โดยมีงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มีความทุกข์ทางจิตใจ (Psychological distress) สูง หรือมีความภูมิใจตนเองในตัวเอง (Self-esteem) ต่ำ จะรู้สึกว่าตนไม่สามารถออกไปจากความสัมพันธ์นี้ได้ และไม่มีความเชื่อมั่นว่าตนจะมีโอกาสได้เจอกับความสัมพันธ์ดีๆ ในชีวิต หรือเจอคู่ครองที่ดีกว่า (Edwards et al., 2010) นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงยังคงทนอยู่เพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีพอจะเจอคนใหม่ๆ หรือทางเลือกใหม่ๆ นั่นเอง


3. การลงทุนในความสัมพันธ์ (Investment) อาจจะมาในรูปแบบของสิ่งของที่นับมูลค่าได้ เช่น เงินทอง ทรัพย์สิน บ้าน รถ ธุรกิจ หรือจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตีมูลค่าได้ เช่น ความรู้สึก แรงกาย แรงใจ เวลาที่ใช้หรือทุ่มเทไปกับความสัมพันธ์ ประสบการณ์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออีกฝ่าย ความเสียสละเพื่อความสัมพันธ์อย่างการลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก เป็นต้น (Rusbult & Martz, 1995) โดยพบว่าผู้หญิงที่ถูกทำร้ายทางจิตใจ มีความทุกข์ทางใจสูงมักจะจัดการกับความทุกข์แบบหลีกเลี่ยงหรือหนีปัญหา ซึ่งส่งผลให้มีความพึงพอใจในความสัมพันธ์น้อยลง แต่กลับจะยิ่งลงทุนกับความสัมพันธ์นี้มากยิ่งขึ้นไปอีก (Edwards et al., 2010; Rhatigan & Axsom, 2006) นอกจากนี้ บางคนก็ยังรู้สึกว่าเป็นตนเป็นฝ่ายผิดและพยายามมากกว่าเดิมที่จะประคองความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปอย่างปกติ ซึ่งบางครั้งมันไม่ใช่การเผชิญกับปัญหาหรือแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง บางรายถึงขั้นละเลยการแก้ปัญหาด้วยความคาดหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นด้วยตัวของมันเอง ก็จะยิ่งเพิ่มความคาดหวังในความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีก

ดังนั้น ถ้าบุคคลมีความพึงพอใจในความสัมพันธ์สูง ลงทุนลงแรงไปกับความสัมพันธ์นี้เยอะ แม้ทางเลือกในชีวิตจะมีน้อย บุคคลจะรู้สึกผูกพันกับคู่รักมาก ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็นสูตรได้ดังนี้

ระดับความผูกพัน (Commitment level) = ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ (Relationship satisfaction) - ทางเลือกในชีวิตที่มีคุณภาพ (Quality alternatives) + การลงทุนในความสัมพันธ์ (Investment)  (Rhatigan & Axsom, 2006)

“เธอสอนฉันให้เข้าใจ การลงทุนเสี่ยงเหลือเกิน”

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่นำมาอธิบายได้ว่าทำไมคนบางคนถึงออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษไม่ได้ ซึ่งจากงานวิจัยต่างๆ ที่ได้ยกมา แม้ว่าเหยื่อจะไม่ได้พึงพอใจในความสัมพันธ์มากนัก แต่เราจะเห็นได้ว่าการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจผนวกกับภูมิหลังของเหยื่อก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหยื่อรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายจนออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้ จึงดูเหมือนเหยื่อยอมรับชะตากรรมและยินยอมที่จะถูกทารุณต่อไปเรื่อยๆ จนถูกมองข้ามแล้วพลาดโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือสังคม 

บทสรุปของทั้งบทความ โอ๊ย!!! เจ็บไปทั้งหัวใจ แต่ทำไมยังไม่รู้ตัว และบทความ “การรักมีความเสี่ยง โปรดศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน” จะเห็นได้ว่าต้นตอล้วนเกิดจากบุคคลในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำหรือเหยื่อ ซึ่งในบางครั้งเราอาจจะเป็นได้ทั้งเหยื่อหรือเป็นผู้ที่ทำร้ายคนอื่นเสียเองโดยที่อาจจะไม่รู้ตัว ดังนั้นเราควรจะมีสติ หมั่นสังเกตตัวเอง กล้าที่จะเปิดใจกับตัวเอง พยายามรู้เท่าทันตนเองก่อนที่จะไปสร้างบาดแผลให้ใครนะคะ และสำหรับเหยื่อที่ต้องเผชิญความสัมพันธ์ย่ำแย่แบบนี้ การสนับสนุนทางสังคม (Social support) หรือการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้างเป็นสิ่งที่สำคัญกับเหยื่อมากๆ อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ต้องการความรักความสัมพันธ์ ซึ่งความรักไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นความรักแบบคู่รักเท่านั้น แต่มันรวมทั้งความรักจากครอบครัว ความรักจากเพื่อน ซึ่งจะช่วยให้เหยื่อตระหนักว่าเขายังมีทางเลือก มีคุณค่าในตัวเอง และสามารถรับความรักความอบอุ่นจากคนอื่นๆ ได้เช่นกัน

 

แต่ปัจจัยที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งในการช่วยเหลือเหยื่อก็คือ เมื่อเหยื่อตัดสินใจเลือกที่จะออกมาจากความสัมพันธ์ รัฐควรมีนโยบายและกฏหมายที่คอยรองรับและสนับสนุน (Rusbult & Martz, 1995) โดยอาจวางแผนพัฒนาชีวิตเหยื่อในด้านต่างๆ ทั้งการจัดการศึกษาให้เข้าถึงคนทุกคน การจัดอบรมทักษะเพื่อนำไปสร้างอาชีพ การมีศูนย์พักพิงให้เหยื่อที่ไม่มีที่ไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในชีวิตให้เหยื่อ และช่วยเหลือเหยื่อจากความรู้สึกสิ้นหวังในชีวิตได้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใด เราสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ แต่อย่าลืมว่าการจะช่วยเหลือให้คนหนึ่งคนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ในระยะยาวนั้น ก็ต้องการความร่วมมือร่วมใจจากทุกคน ทุกฝ่าย และทุกระดับนั่นเอง ;)

อ้างอิง

Baumeister, R. F., & Leary, M. R. (1995). The need to belong: desire for interpersonal attachments as a fundamental human motivation. Psychological Bulletin, 117(3), 497-529.


Edwards, K. M., Gidycz, C. A., & Murphy, M. J. (2010). College women’s stay/leave decisions in abusive dating relationships: A prospective analysis of an expanded investment model. Journal of Interpersonal Violence, 26(7), 1446–1462.


Rose, L. E., & Campbell, C. (2000). The role of social support and family relationships in women’s responses to battering. Health Care for Women International, 21(1), 27–39. 


Rhatigan, D. L., & Axsom, D. K. (2006). Using the investment model to understand battered women’s commitment to abusive relationships. Journal of Family Violence, 21(2), 153–162. 


Rusbult, C. A., Agnew, C. R., & Arriaga, X. B. (2012). The investment model of commitment processes. In P. A. M. van Lange, A. W. Kruglanski & E. T. Higgins (Eds.)  Handbook of theories in social psychology (pp. 218–231). Sage.


Rusbult, C. E., & Martz, J. M. (1995). Remaining in an abusive relationship: An investment model analysis of nonvoluntary dependence. Personality and Social Psychology Bulletin, 21(6), 558–571.

ผู้เขียน

รมัณยา นาคโสมกุล

รมัณยา นาคโสมกุล

นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา

สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความสุขคือสุนัขและการนอนเร็วเพราะจะได้กินข้าวเช้าไวๆ

ปิยะรัตน์ สุวรรณนุพงศ์

ปิยะรัตน์ สุวรรณนุพงศ์

นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา

นักศึกษาเอกจิตวิทยาที่ชีวิตอยากฟังเพลงมากกว่าอ่านเปเปอร์ ความตื่นเต้นในแต่ละวัน คือ การเฝ้าลุ้นเฉดสียามอาทิตย์อัสดง

ออกแบบกราฟิก

พัชริดา วงศ์กมลาไสย

พัชริดา วงศ์กมลาไสย

นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา

ผู้รักสันโดษ และติดอยู่ใน safe zone ตัวเอง คติประจำใจ “ช่วงโควิดน่าเบื่อหน่าย เรียนออนไลน์น่าเบื่อกว่า”

สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต

99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง

อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121

โทร.: 02 696 5660

อีเมล: psychology@tu.ac.th

  • Instagram
  • YouTube
bottom of page