

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์
สาขาวิชาจิตวิทยา
โอ๊ย! เจ็บไปทั้งหัวใจ แต่ทำไมยังไม่รู้ตัว?
02/09/2564

ความสัมพันธ์ที่เธอจะทำฉันเจ็บแค่ไหนแต่ฉันก็ยังรักเธอ ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เธอยังอยู่กับฉัน บอกว่าทำเพราะรักเราแต่ทำไมเราถึงรู้สึกแย่ เติมเต็มอีกฝ่ายทุกอย่างจนรู้ตัวอีกทีเราก็บอบช้ำไปทั้งกายและใจแล้ว แบบนี้มันก็คือความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) หรือเปล่านะ? ถ้าใช่แล้วทำไมคนเราถึงยอมทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เราโดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนั้นล่ะ หากอธิบายมันก็มีหลายเหตุผลที่เราไม่ยอมเดินออกมาจาก Toxic relationship แต่ครั้งนี้เราจะพูดถึงกรณีที่คนคนนั้นไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตนกำลังถูกทำร้ายอยู่ หลายๆ คนคงสงสัยว่าเป็นไปได้หรือ? แต่ก่อนที่จะเริ่มเข้าประเด็น เรามารู้จักกับ Toxic relationship และปรากฏการณ์กบโดนต้ม (Boiled frog phenomenon) กันก่อนดีกว่า
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) คือความสัมพันธ์ที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้กุมอำนาจมากกว่าอีกฝ่าย คอยบงการ บังคับทั้งทางตรงและทางอ้อม ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Solferino & Tessitore, 2019) และอาจรุนแรงถึงขั้นใช้กำลัง หรือทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายอย่างสาหัสเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ทำให้ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรู้สึกบั่นทอน ซึ่งตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ที่ดี (Healthy relationship) ที่ทุกคนในความสัมพันธ์มีความเคารพซึ่งกันและกัน ห่วงใยกัน ดูแลกัน เป็นความสัมพันธ์ที่เท่าเทียม และรู้สึกมั่นคงทางด้านความรู้สึก
ปรากฏการณ์กบโดนต้ม (Boiled frog phenomenon) เป็นปรากฏการณ์ที่สรุปมาจากผลการทดลองในอดีต ซึ่งอธิบายว่าเมื่อเรานำกบไปใส่หม้อที่มีน้ำอุณหภูมิปกติแล้วต้มน้ำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ กบจะไม่กระโดดหนี แล้วก็ตาย แต่ถ้านำกบไปใส่หม้อที่มีน้ำเดือดอยู่แล้ว กบจะรีบกระโดดหนีออกมาทันที แต่ต่อมา นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันชี้แจงแล้วว่าผลการทดลองนี้ “ไม่เป็นจริง” เพราะกบมีความไวต่อการรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจึงทำให้สุดท้ายไม่ว่าจะเงื่อนไขใด กบก็จะรีบหาทางเอาตัวรอดทันที (Gibbons, 2007) ซึ่งแม้จะมีข้อโต้แย้งแต่ปรากฏการณ์กบโดนต้มก็กลายมาเป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เรามักจะไม่รู้ตัว หรือไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายที่คุกคามเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญกับภัยอันตรายที่รุนแรงและฉับพลัน
แล้วปรากฏการณ์กบโดนต้มจะอธิบายความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้อย่างไร? เราอาจเคยเห็นข่าวคู่รักฆ่ากันเอง โดยญาติผู้เสียชีวิตมักให้การว่าเคยเห็นคู่นี้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และอีกฝ่ายมักลงไม้ลงมือใช้ความรุนแรงกับผู้เสียชีวิตมาก่อน ซึ่งนอกจากการทำร้ายกันทางกายแล้ว การทำร้ายจิตใจก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เช่น เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่คู่ควรที่จะได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิต แต่กลับรู้สึกว่าชีวิตไม่สามารถขาดอีกฝ่ายได้ และต้องพึ่งพาอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็อาจเกิดคำถามว่าทำไมต้องทนถูกทำร้ายอยู่แบบนี้? คำตอบก็คือ เพราะเหยื่อไม่ได้ถูกกระทำอย่างรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของปัญหานั่นเอง
หากอธิบายตามวงจรของการทารุณกรรม (Cycle of abuse) เมื่อมีปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเริ่มจากผู้กระทำรู้สึกหงุดหงิด โมโห เงียบ ไม่พูดคุยกับอีกฝ่าย ทำให้เหยื่อรู้สึกว่าตนไม่ระมัดระวังตัวเองจนทำให้อีกฝ่ายต้องเกิดอารมณ์โมโห เป็นจุดเริ่มต้นของระยะเริ่มตึงเครียด (Tension-building phase) หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะระเบิดอารมณ์ (Explosive phase) ที่พยายามโทษว่าเหยื่อเป็นฝ่ายผิด ทำร้ายกันด้วยคำพูด ทำลายข้าวของ เมื่อถูกกระทำเช่นนี้เหยื่อจะเริ่มรู้สึกกลัว สับสน ไขว้เขว รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมา หลังจากที่ความโมโหหายไป จะเข้าสู่ระยะขอคืนดี (Reconciliation phase) โดยผู้กระทำจะรู้สึกผิด แล้วกลับมาขอโทษอีกฝ่าย สัญญาว่าจะปรับปรุงตัว จะแก้ไขตนเอง พร้อมกับเหตุผลที่ว่าทำลงไปเพราะรักเหยื่อ ซื้อของขวัญมาไถ่โทษ หรือมากกว่านั้นคือทำร้ายตัวเองเพื่อให้เหยื่ออภัยตน จากนั้นจึงกลับเข้าสู่ระยะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ (Honeymoon phase) ซึ่งปัญหาจะสงบ ความสัมพันธ์จะหวานชื่น (Carey, 2015) แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นอีก พร้อมกับระดับความรุนแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ และตามทฤษฎีการเรียนรู้ที่เมื่อเกิดความรุนแรง แล้วตามด้วยการเสริมแรงเชิงบวก (Positive reinforcement) เช่น บอกรักเหยื่อ มอบของขวัญให้ การปฏิบัติตัวดี วนซ้ำไปซ้ำมา เหยื่อจะเริ่มชินชาต่อความรุนแรงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น (Long & McNamara, 1989) แล้วจะไม่รู้ตัวหรือนึกขึ้นได้ว่าตนยังมีทางเลือก ยังสามารถหนีออกความสัมพันธ์ที่เป็นปัญหานี้ได้ แต่กลับยังคงอยู่จนเกิดผลกระทบรุนแรงต่อตัวเหยื่อดังตัวอย่างข้างต้น เปรียบเสมือนกบที่ค่อยๆ ถูกต้มจนตายนั่นเอง
จากทั้งหมดนี้ ปรากฏการณ์กบโดนต้มก็เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่สามารถอธิบายได้ว่า “ทำไมเหยื่อถึงไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ” แล้วถ้าเป็นกรณีที่เหยื่อ “รู้ตัว” แต่ไม่สามารถออกมาจากความสัมพันธ์ได้ล่ะ เป็นเพราะอะไร? แล้วมีความรู้ทางจิตวิทยาด้านไหนอธิบายได้บ้างนะ เราไปหาคำตอบร่วมกันได้ในบทความถัดไปนะคะ แต่ก่อนจะจากกันไปในครั้งนี้ หากเราเห็นคนใกล้ตัวของเรากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือมีบางช่วงของความสัมพันธ์เกิดวงจรของการทารุณกรรม เราสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาได้ด้วยการยืนหยัดและเสริมความมั่นใจให้เขาก้าวออกมาจากความสัมพันธ์นั้น หรือชี้ให้เห็นว่าเขายังมีทางเลือกอีกมากมายในชีวิต แต่ถ้าตัวคุณเองตกอยู่ในสถานการณ์นี้ อย่าลืมว่าในปัญหาความสัมพันธ์ไม่มีทางที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายผิดอยู่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งสองฝ่ายจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ดังนั้นคุณไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเพียงฝ่ายเดียว คุณมีคุณค่าในตัวเอง อย่าให้ใครมาลดคุณค่าที่คุณมีได้ พึงระลึกไว้ว่าตัวคุณสำคัญที่สุดเสมอ และอย่าลืมว่าการเข้ารับการปรึกษาจากนักจิตวิทยาสามารถช่วยให้คุณหาทางออกของปัญหาได้เช่นกัน :)
อ้างอิง
Carey, M. (2015, October 14). Domestic violence: The cycle, facts, and options: Debunking the myths and opening up resources. Odyssey. https://www.theodysseyonline.com/domestic-abuse-violence
Gibbons, W. (2007, December 23). The legend of the boiling frog is just a legend. Savannah River Ecology Laboratory University of Georgia. https://archive-srel.uga.edu/outreach/ecoviews/ecoview071223.htm
Jojo. (2021, May 1). The truth why people stay in abusive relationships: A story from my own experience. The Medium. https://medium.com/the-pink/the-truth-why-people-stay-in-abusive-relationships-a0f37701e9f5
Long, G. M., & McNamara, J. R. (1989). Paradoxical punishment as it relates to the battered woman syndrome. Behavior Modification, 13(2), 192-205.
Solferino, N., & Tessitore, M. E. (2019, August 28). Human networks and toxic relationships. Munich Personal RePEc Archive. https://mpra.ub.uni-muenchen.de/id/eprint/95756
ผู้เขียน

รม ัณยา นาคโสมกุล
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความสุขคือสุนัขและการนอนเร็วเพราะจะได้กินข้าวเช้าไวๆ
ออกแบบกราฟิก

พัชริดา วงศ์กมลาไสย
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
ผู้รักสันโดษ และติดอยู่ใน safe zone ตัวเอง คติประจำใจ “ช่วงโควิดน่าเบื่อหน่าย เรียนออนไลน์น่าเบื่อกว่า”