

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์
สาขาวิชาจิตวิทยา
มันเป็นความผิดของไมค์กี้!
วิเคราะห์กลไกการป้องกันตนเองของคาสึโทระจาก Tokyo Revengers
01/10/2564
ถ้าคุณเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นหรือได้ติดตามอยู่บ้าง ในปีนี้ก็คงจะได้เห็นอนิเมะ (Anime) แนวนักเลงต่อยตีหรือมีม (Meme) ที่ล้อกันว่ามันเป็น "ความผิดของไมค์กี้" ผ่านตากันไม่มากก็น้อย นั่นมาจากอนิเมะเรื่อง โตเกียว รีเวนเจอร์ส (Tokyo Revengers) ซึ่งเราจะชวนคุยกันในวันนี้
เนื้อเรื่องโดยย่อก็คือตัวเอกของเรื่อง ฮานางากิ ทาเคมิจิ (Hanagaki Takemichi) หรือกระสอบทรายแห่งโตมัน (โตมัน ย่อมาจากโตเกียวมันจิไค ซึ่งก็คือชื่อแก๊งที่ตัวเอกสังกัด) ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของคนที่เคยคบกันเป็นแฟนตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นและเป็นแฟนเพียงคนเดียวในชีวิต โดยในขณะที่เขากำลังระลึกถึงอดีตอันสวยงามของตัวเองอยู่นั้นก็ถูกใครบางคนผลักตกลงไปบนรางรถไฟ จนรู้สึกตัวอีกทีเขาก็พบว่าได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 12 ปีก่อนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขากำลังเพิ่งนึกถึงอยู่นั่นเอง เพื่อที่จะแก้ไขเรื่องราวในอดีตที่เขาพยายามหลบหนีมาโดยตลอดและเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าคนรักเก่าถูกฆ่าตาย เรื่องราวทั้งหมดจึงได้เริ่มต้นขึ้น และนี่คือเรื่องย่อที่เกริ่นให้คนที่ไม่เคยดูอนิเมะหรืออ่านมังงะ (Manga) เรื่องนี้ได้เข้าใจในเบื้องต้น แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอามาพูดในบทความนี้ เพราะเราจะพูดถึงตัวละครอีกตัวนั่นคือ ฮาเนมิยะ คาสึโทระ (Hanemiya Kazutora) หรือพี่เสือกล้วย (เสือจากคำว่า tora (虎) ในชื่อกับรอยสักที่คอ และกล้วยจากทรงผมในอนิเมะ) ต่างหากที่จะมาเป็นพระเอกของเราในบทความนี้
คำเตือน
เนื้อหาต่อไปนี้มีการสปอยล์เนื้อเรื่องภายในอนิเมะตั้งแต่ตอนที่ 1-24

ฮานางากิ ทาเคมิจิ (คนแรก), ฮาเนมิยะ คาสึโทระ (คนที่สอง), ซาโนะ มันจิโร่ หรือไมค์กี้ (คนที่สาม), บาจิ เคย์สึเกะ (คนสุดท้าย)
(Tokyo Revengers Wiki, n.d.)
คาสึโทระเป็นหนึ่งในอดีตสมาชิกรุ่นก่อตั้งของแก๊งโตเกียวมันจิไค มีจุดเด่นคือรอยสักรูปเสือบริเวณลำคอ ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาต้องกลายเป็น ‘อดีต’ สมาชิกแก๊งโตเกียวมันจิไคก็คือการที่เขาต้องการหาของขวัญวันเกิดมาเซอร์ไพรส์ไมค์กี้ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและคนที่เขาชื่นชมไปด้วยในเวลาเดียวกัน ดังนั้นคาสึโทระจึงได้ชักชวนให้บาจิ เคย์สึเกะมาร่วมมือกับเขาในการไป ‘ขโมย’ รถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับหัวหน้าแก๊งอย่างไมค์กี้เป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าร้านมอเตอร์ไซค์ที่ทั้งเขาและเคย์สึเกะกำลังไปขโมยนั้นาเป็นร้านของ ซาโนะ ชินอิจิโร่ ผู้เป็นพี่ชายของไมค์กี้นั่นเอง
และอย่างที่หลายๆ คนน่าจะคาดเดากันได้ ก่อนที่ทั้งสองคนกำลังจะขโมยสำเร็จนั้น พี่ชายของไมค์กี้ก็โผล่เข้ามาเห็นพอดีทำให้เคย์สึเกะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่คาสึโทระก็ได้รีบชิงโจมตีอีกฝ่ายเข้าที่ศีรษะของชินอิจิโร่เข้าอย่างจังจนชินอิจิโร่หยุดหายใจไปในทันที หลังจากนั้น เคย์สึเกะที่เป็นฝ่ายได้สติกลับมาก่อนก็รีบโทรไปตามรถพยาบาลในขณะที่คาสึโทระได้สติหลุดไป มีอาการเอานิ้วเข้าปาก พูดว่านี่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นคนฆ่าพี่ชายของไมค์กี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า และเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไปเพื่อไมค์กี้แท้ๆ ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ จนนำไปสู่การโยนความผิดไปให้ไมค์กี้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของไมค์กี้ และต้องฆ่าไมค์กี้เท่านั้นถึงจะแก้ไขความผิดพลาดนี้ได้
จากที่เล่ามาเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งคนที่ได้ดูอนิเมะและไม่ได้ดูร้อง “อิหยังวะ” ไปพร้อมๆ กันได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว มีอย่างที่ไหน ตัวเองเป็นคนฆ่าพี่ชายเขาเองกับมือแท้ๆ กลับโยนความผิดไปให้เขาที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ ซึ่งการกระทำของคาสึโทระในตอนนี้ก็ได้สร้างเสียงก่นด่าสาปแช่งได้เป็นจำนวนมาก และถ้าหากเราลองไปไล่ดูคอมเมนต์เหล่านั้นก็จะพบว่าผู้ชมหลายๆ ท่านยังคงขาดความรู้ในด้านกลไกการป้องกันตนเอง (Defense Mechanism) กันอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับกลไกการป้องกันตนเองกันครับ

(Psiwuvyu, 2021)
กลไกการป้องกันตนเองเป็นหนึ่งในกระบวนการทางจิตที่อยู่ในระดับจิตไร้สำนึก (Unconsciousness) กล่าวคือเป็นกลไกของจิตใจที่ใช้เพื่อปกป้องตัวเองจากความกังวลและความเจ็บปวดทางใจต่างๆ ด้วยการบิดเบือนความเป็นจริงแบบไม่รู้ตัวเพื่อให้ตัวเราสามารถรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองและปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้อย่างเป็นปกติ (Carvalho et al., 2019; Ciocca et al., 2020; Cramer et al., 2016) โดยกลไกการป้องกันตนเองที่คนเราใช้กันอยู่ก็มีอยู่หลายรูปแบบตั้งแต่รูปแบบที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่อยู่กับความเป็นจริงอย่างกลไกการป้องกันแบบโรคจิต (Psychotic Defense) รูปแบบที่ไม่ก่อให้เกิดวุฒิภาวะและเป็นการแสดงออกที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมอย่างกลไกการป้องกันแบบไร้วุฒิภาวะ (Immature Defense) รูปแบบที่ได้ผลดีแค่ในระยะสั้นแต่ไม่เป็นผลดีในระยะยาวอย่างกลไกการป้องกันแบบโรคประสาท (Neurotic Defense) และรูปแบบที่ดี มีประสิทธิภาพ ซึ่งมักพบในคนที่มีสุขภาพจิตดีอย่างกลไกการป้องกันแบบมีวุฒิภาวะ (Mature Defense) ซึ่งการที่คนหนึ่งคนจะใช้กลไกการป้องกันตนเองที่ไม่เหมาะสมซ้ำๆ จนมากเกินไปก็มักจะทำให้คนคนนั้นมีปัญหาในการปรับตัวและจะนำไปสู่การมีปัญหาทางจิตได้ในที่สุด (Freud, 1983; Vaillant et al., 1986)
ทีนี้เรามาวิเคราะห์กลไกการป้องกันตนเองของคาสึโทระบ้าง เริ่มจากกลไกการป้องกันแบบไร้วุฒิภาวะอย่างการถดถอย (Regression) เป็นที่กลับไปใช้พฤติกรรมแบบเด็กๆ เช่น การเอามือเข้าปาก ทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องรับผิดชอบปัญหาที่ตัวเองก่อเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะได้รับการให้อภัยอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีกลไกการป้องกันแบบโรคจิตอย่างการบิดเบือน (Distortion) ที่พยายามปรับเปลี่ยนความจริงภายนอก (External Reality) เพื่อปลอบประโลมจิตใจในยามที่ไม่สามารถทำให้ความต้องการของตนเองนั้นเป็นจริงได้ เหมือนกับฉากที่คาสึโทระรับรู้ว่าพี่ชายของไมค์กี้หมดลมหายใจไปแล้วก็ได้ปฏิเสธทันทีว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่า ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นคนฟาดเขาจนลงไปกองกับพื้นเอง นอกจากนี้คาสึโทระยังใช้กลไกการป้องกันแบบโรคจิตอย่างการโทษผู้อื่น (Projection) ที่ป้ายความคิดความรู้สึกไม่ดีต่างๆ ที่ตัวเองยอมรับไม่ได้ไปให้คนอื่นหรือสิ่งอื่น เช่น การโทษว่าเป็นความผิดของไมค์กี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนทำให้พี่ชายของไมค์กี้ตาย และกลไกการป้องกันแบบโรคประสาทอย่าง การย้ายที่ (Displacement) ที่ย้ายอารมณ์หรือความต้องการจากสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน อย่างตอนที่คาสึโทระรู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแก้ไขอะไรไม่ได้ จึงโยนความรู้สึกแย่ไปเป็นความต้องการที่จะทำลายไมค์กี้แทน
ถ้าเราสังเกตกันดีๆ กลไกการป้องกันตนเองที่คาสึโทระใช้มักจะเป็นกลไกการป้องกันตนเองที่ไม่เหมาะสมและแทบไม่มีกลไกการป้องกันอย่างมีวุฒิภาวะเลย ซึ่งจริงๆ แล้วกลไกการป้องกันอย่างมีวุฒิภาวะสามารถทำได้โดยการใช้อารมณ์ขันรับมือกับปัญหา (Humor) การคาดการณ์แล้วจึงวางแผนรับมือปัญหา (Anticipation) การเปลี่ยนความรู้สึกไม่ดีให้กลายเป็นอะไรที่สร้างสรรค์ (Sublimation) เป็นต้น จึงไม่แปลกที่ตัวละครคาสึโทระจะถูกออกแบบมาให้มีปัญหาทางจิตและเหล่าผู้ชมเองก็คิดว่าตัวละครนี้น่าจะมีปัญหาทางจิตด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไปอีก ก่อนที่คาสึโทระและเคย์สึเกะจะบุกเข้าไปในร้านมอเตอร์ไซค์ จะมีฉากที่คาสึโทระเห็นครอบครัวหนึ่งกำลังฉลองวันเกิดในร้านอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข แต่คาสึโทระกลับแสดงอาการไม่พอใจ ซึ่งสามารถอนุมานได้ว่าเป็นกลไกการป้องกันแบบโรคประสาทที่เก็บกดความรู้สึกไม่ดีเอาไว้ไม่ให้โผล่ขึ้นมา (Repression) และในตอนต่อๆ ไปจะมีการเฉลยปมส่วนหนึ่งที่บอกว่าคาสึโทระประสบกับปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (Domestic Violence) ตั้งแต่ในวัยเด็ก จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่เด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองจะมีบุคลิกภาพและการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้

(Leung, 2021)
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เคย์สึเกะสละชีวิต เหตุการณ์นั้นก็ดึงคาสีโทระกลับมาสู่ความเป็นจริงและผลักดันให้เขากล้าเผชิญหน้ากับปัญหาแบบตรงๆ โดยไม่หนีปัญหา และสามารถหลุดพ้นจากการใช้กลไกการป้องกันตนเองที่ไม่เหมาะสมได้ในที่สุด และถ้าเราสังเกตกันดีๆ ในตอนแรกที่คาสึโทระปรากฏตัวในเนื้อเรื่อง หรือแม้แต่ตอนที่ย้อนให้เห็นอดีตช่วงที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งแก๊งโตเกียวมันจิไคกับไมค์กี้ที่น่าจะเป็นช่วงที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิตแต่ก็สังเกตเห็นว่าแววตาของคาสีโทระช่างว่างเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็กลับมามีแววตาที่สดใสเหมือนคนอื่นได้ในที่สุดหลังจากที่เขาได้สติและกล้ากลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเรื่องราวของตัวละครฮาเนมิยะ คาสึโทระกันแล้ว ผมเชื่อว่าเราต่างก็เข้าใจกันดีว่าในแต่ละวัน คนเราต่างก็ประสบพบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องรับมือกับปัญหา (Coping) แตกต่างกันไป อาจจะมีทั้งปัญหาที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาคาราคาซังที่กองอยู่เป็นภูเขารอให้เราไปแก้ ปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง หรือแม้กระทั่งความเจ็บปวด ความกังวลใจที่เราต่างก็สามารถเลือกที่จะมองข้ามและหลอกตัวเองได้ เราอาจจะไม่ใช่คนที่โชคดีแบบคาสึโทระที่มีเพื่อนที่ดีอย่างเคย์สึเกะที่พร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต เพราะฉะนั้นแล้วการตั้งสติแล้วค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองเพื่อตั้งหลักรับมือกับปัญหาตรงๆ ด้วยตัวเอง หรือการเปิดใจขอความช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาจากคนรอบข้างบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรมากนัก และหากนำไปเทียบกับการปล่อยให้ปัญหาผ่านไปแบบไม่ถูกวิธีเรื่อยๆ แล้วจะนำไปสู่ปัญหาทางจิตในภายหลังล่ะก็ ทางเลือกก่อนหน้าก็คงดีกว่าไม่ใช่น้อยเลยล่ะครับ :)
อ้างอิง
กุลวดี ทองไพบูลย์. (2564). Ego defense mechanisms [เอกสารที่ไม่มีการตีพิมพ์]. สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มุทิตา พนาสถิตย์. (2564). Defense mechanisms [เอกสารที่ไม่มีการตีพิมพ์]. ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วรุตม์ อุ่นจิตสกุล. (ม.ป.ป.). Defense mechanism & psychosexual development [เอกสารที่ไม่มีการตีพิมพ์]. ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
Carvalho, L. F., Reis, A. M., & Pianowski, G. (2019). Investigating correlations between defence mechanisms and pathological personality characteristics. Revista Colombiana de Psiquiatria (English ed.), 48(4), 232- 243.
Ciocca, G., Rossi, R., Collazzoni, A., Gorea, F., Vallaj, B., Stratta, P., Longo, L., Limoncin, E., Mollaioli, D., Gibertoni, D., Santarnecchi, E., Pacitti, F., Niolu, C., Siracusano, D., Jannini, E.A., & Lorenzo, G. (2020). The impact of attachment styles and defense mechanisms on psychological distress in a non-clinical young adult sample: A path analysis. Journal of Affective Disorder, 273, 384-390.
Cramer, P., & Porcerelli, J. H. (2016). Defense Mechanisms (2nd ed.). Elsevier.
Freud, A. (1938). The ego and the mechanisms of defence. International Universities Press.
Kazutora Hanemiya. (n.d.). Tokyo revengers Wiki. https://tokyorevengers.fandom.com/wiki/Kazutora_Hanemiya#cite_ref-1
Keisuke Baji. (n.d.). Tokyo revengers Wiki. https://tokyorevengers.fandom.com/wiki/Keisuke_Baji
Leung, H. (2021). Tokyo revengers: Toman Rememberber Its Origins and a Fallen Member. https://www.cbr.com/tokyo-revengers-episode-22-toman-baji-death/
Manjiro Sano. (n.d.). Tokyo revengers Wiki. https://tokyorevengers.fandom.com/wiki/Manjiro_Sano
Psiwuvyu. (2021). Kazutora Hanemiya. https://psiwuvyu.tumblr.com/post/657542993364025344/kazutora-hanemiya-tokyo-revengers?is_related_post=1
Sadock, B. J., Sadock, V.A., & Ruiz, P. (2014). Synopsis of psychiatry: Behavioral sciences/clinical psychiatry (11th ed.). Lippincott Williams & Wilkins.
Takemichi Hanagaki. (n.d.). Tokyo Revengers Wiki. https://tokyorevengers.fandom.com/wiki/Takemichi_Hanagaki
Vaillant, G.E. (1977). Adaptation to life. Little Brown.
Vaillant, G.E. (1993). Ego mechanisms of defense and personality psychology. Journal of Abnormal Psychology, 103(1), 44-50.
Vaillant, G.E., Bond, M., & Vaillant, C.O. (1986). An empirically validated hierarchy of defense mechanisms. Archives of Gen Psychiatry, 43(8), 786-794.
ผู้เขียน

เอกวุฒิ โตชูวงศ์
นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา
ผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ เกมสร้างเมือง และนิยายแฟนตาซี